Wednesday, November 7, 2012

ฆ่าผู้คุมปราบยา ประจำคุกนครศรีฯ มือปืน2ชุดถล่ม




มือปืน 2 ทีมมากับปิกอัพ-จยย. ประกบยิงผู้คุมคุกนครศรีฯ ดับสยองคาถนนหลังออกเวร ไม่นานเพิ่งค้นเจอยาไอซ์-ตงฉินปราบยา ตร.ให้น้ำหนักสาเหตุมาจากแก๊งยาล้างแค้น...

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 ส.ค. 2555 ร.ต.อ.มนตรี ปานอ่อน พนักงานสอบสวน (สบ1) ร้อยเวร สภ.พระพรหม ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายพระพรหม–นพวงศ์ เยื้องปากทางเข้าวัดหนองจระเข้ หมู่ 5 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพ นายออด แซ่ผั่ว อายุ 49 ปี ผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 5 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีดำแถบแดง ทะเบียน คงธ 270 นครศรีธรรมราช ล้มอยู่ข้างศพ ตรวจพบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. เข้าที่สะบักหลังขวา 1 นัดทะลุชายโครงด้านซ้าย รวมถึงแขนด้านซ้าย 1 นัด และบริเวณถนนยังพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 3 ปลอก

จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายออดได้เข้าเวรที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ใน ต.นาพรุ อ.พระพรหม กระทั่งช่วงเช้าออกเวรก็แวะดื่มกาแฟกับเพื่อนผู้คุมที่บริเวณโรงเรือนข้างป้อมรักษาการณ์ของเรือนจำ พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็ขี่รถ จยย.กลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายใช้พาหนะ 2 คัน คือ รถ จยย. และรถกระบะ สีบรอนซ์เงิน ไล่ติดตามมา โดยรถ จยย. ขี่นำหน้า มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่ประกบผู้ตาย ก่อนที่คนนั่งซ้อนท้ายจะชักปืนยิงใส่ 3 นัด แต่กระสุนไม่ถูกผู้ตาย ทำให้รถกระบะขับตามประกบ แล้วคนร้ายที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่คนขับก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่อีก 3 นัด คราวนี้กระสุนเจาะร่างผู้ตาย จนรถ จยย.ล้มลงเสียชีวิตทันที หลังก่อเหตุกลุ่มคนร้ายก็พากันหลบหนีไปทางสี่แยกนพวงศ์ ซึ่งตำรวจได้วิทยุสกัดจับ พร้อมจัดกำลังออกติดตามไล่ล่า แต่ไม่พบคนร้าย

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจจุดเกิดเหตุอยู่นั้น นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือนจำ ก็เดินทางมายังที่เกิดเหตุ ซึ่งนายสุรพลมีท่าทางเคร่งเครียดมาก พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่น่าเลย อุกอาจจริงๆ” ก่อนจะโทรศัพท์รายงานเหตุไปยัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทันที

พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า นายออดทำงานเป็นผู้คุมอยู่ในเรือนจำมานาน ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าเรือนจำ พยาบาลของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่สำคัญเป็นคนตงฉินมาก ทำงานเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการตรวจค้นจับกุมยาเสพติดและของต้องห้ามในเรือนจำ
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่วัน นายออดได้ค้นพบยาไอซ์หนัก 6 กรัม ซุกอยู่ในเรือนจำ จึงแจ้งผู้บังคับบัญชา พร้อมประสานมายังตำรวจให้เข้าไปตรวจสอบ รวมทั้งสอบสวนหาตัวนักโทษที่เป็นเจ้าของยาเสพติด และก่อนหน้านี้ นายออดยังได้ช่วยเหลือทางราชการมาตลอด คาดว่าปมสังหารน่าจะเป็นปฏิบัติการข่มขวัญจากเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำและนอกเรือนจำ หรือการล้างแค้นเจ้าหน้าที่ของเครือข่ายนี้ เนื่องจากพบว่ากลุ่มยาเสพติดได้ตั้งค่าหัว พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ไว้ 15 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและผู้คุม ที่เป็นกำลังหลักในการตรวจค้นกวาดล้างจับกุมยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำครั้งใหญ่ที่ผ่านมา โดยมีค่าหัวลดหลั่นกันไปตามลำดับ ซึ่งนายออดเป็นผู้คุมคนแรกที่ประเดิมชีวิต หลังมีการตั้งค่าหัวเจ้าหน้าที่

ส่วนสาเหตุอื่นนั้น เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่น่าจะมีน้ำหนักถึงขั้นถูกฆ่าตาย อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นการฆ่าข่มขวัญเจ้าหน้าที่แล้ว ประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวอื่นๆ ตำรวจก็ไม่ได้ตัดทิ้ง จะได้เร่งสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป

ด้านนายสุรพล กล่าวว่า ได้รายงานเหตุการณ์ไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้ว แม้ตนจะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.เรือนจำ ได้ไม่นาน แต่เท่าที่ทราบจากเพื่อนผู้คุมและเจ้าหน้าที่ส่วนบังคับบัญชาในเรือนจำ รวมทั้งดูการปฏิบัติงานในระยะเวลาที่ผ่านมา นายออดเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ซื่อสัตย์สุจริต และเป็นกำลังสำคัญในการจู่โจมตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ มาตลอด ซึ่งตนได้แจ้งให้ผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชทุกคนระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น หากพบความผิดปกติเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต ก็ให้รีบแจ้งมาที่ตนหรือรองผู้บัญชาการเรือนจำ เพื่อจะได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกัน หรือให้ความคุ้มครอง

ทั้งนี้ แม้ว่าในการทำงานแต่ละวันที่เรือนจำในขณะนี้ จะมีกำลังตำรวจจากทั้งตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ ภ.จว.นครศรีธรรมราช มาอารักขาและตรวจตรารอบเรือนจำหลายชั้นก็ตาม แต่เมื่อเดินทางออกนอกเขตเรือนจำอาจเกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และผู้คุมส่วนใหญ่ยังคงมุ่งหน้าและตั้งมั่นในการทำงาน รวมทั้งมีกำลังใจที่ดี และการกวาดล้างยาเสพติด-สิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดในเรือนจำและเครือข่าย จะต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อทำเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชให้เป็นเรือนจำสีขาวให้ได้.

0 comments:

Post a Comment