Wednesday, June 22, 2011

โครงการส่งเสริมคน ไทย รักการอ่าน

  โครงการส่งเสริมคน  รักการอ่าน 
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์  เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

                          
การ สร้างให้คนมีวัฒนธรรมการอ่าน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับปัญหากรุงเทพฯ ในประเด็นอื่นที่เห็นได้ชัดเจนว่า จำเป็นเร่งด่วน ต้องแก้ไขหรือพัฒนา แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากสังคมไร้ซึ่งวัฒนธรรมการอ่าน เพราะไม่ได้รับการปลูกฝัง แน่นอนว่าจะกลายเป็น ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลร้ายแรงกว่าปัญหาอื่นในอนาคตได้
ประกอบ กับกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา ยิ่งจำเป็นที่หากผู้คนรักการอ่านเป็นฐาน ย่อมจะส่งผลต่อการรับข้อมูลข่าวสาร การเรียนรู้ และการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมต่าง ๆ อันส่งผลต่อการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนเมืองหลวง รวมถึงความก้าวหน้าในการพัฒนากรุงเทพฯ ด้านต่าง ๆ
การ ส่งเสริมและพัฒนาให้คน กทม. รักการอ่าน กรุงเทพมหานครไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยงานดำเนินการเองทั้งหมด แต่ควรทำในลักษณะของความร่วมมือและกระจายความรับผิดชอบร่วมดำเนินการกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน ตัวอย่างโครงการ อาทิ
จัด ชุดหนังสือที่ควรอ่าน
การทำให้คนเกิดความรู้สึกต้องการอ่านหนังสือ ควรช่วยให้เขาเห็นเป้าหมายว่า หนังสืออะไรบ้างที่เขาควรอ่าน ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้มีการจัดชุดหนังสือสำหรับคนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม เพื่อให้สามารถเลือกอ่านได้อย่างมีเป้าหมาย เช่น จัดชุดหนังสือที่ควรอ่านสำหรับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ว่า ควรอ่านอะไร และอ่านได้ที่ใด โดย กทม. อาจขอความร่วมมือกับสมาคมห้องสมุด ครูอาจารย์ ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ จัดทำคู่มือ รายชื่อหนังสือที่ส่งเสริมชีวิตคนแต่ละอาชีพ โดยรวบรวมรายชื่อหนังสือที่เป็นเรื่องคล้ายกัน จัดเป็นชุด เช่น ชุดบริหารเวลา ชุดเตรียมสอบ มาจัดพิมพ์ พร้อมแผนงานในการอ่าน ที่บอกแนวทางในการอ่านอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คนได้วางแผนด้วยตนเองว่าจะอ่านหนังสือจบเมื่อไร และจะอ่านชุดอะไรต่อ
นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้คนอ่านหนังสืออย่างสมดุล โดยการอ่านหนังสือครบทั้ง 2 ประเภทได้แก่ หนังสือที่ตนเองชอบ เป็นหนังสือที่ให้ความสุขเมื่อได้อ่าน อาจเป็นหนังสือประเภทใดได้ และ หนังสือที่ตนเองต้องอ่าน คือหนังสือที่สนับสนุนความสำเร็จของชีวิต โดยลดการอ่านด้านบันเทิงลงบ้าง ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้อ่านหนังสือครบถ้วนทุกด้าน เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง
จัด หนังสือเป็นของขวัญ
โครงการ หนึ่งที่สามารถทำได้และจะช่วยให้คนในเมืองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการอ่าน นั่นคือ การส่งเสริมให้คนมอบหนังสือเป็นของขวัญในโอกาสต่าง ๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันเกิด แสดงความยินดีที่ได้เลื่อนขั้น เปิดกิจการใหม่ โดยร่วมมือกับร้านหนังสือทั่วกรุงเทพฯ มอบส่วนลดพิเศษ เป็นมหกรรมลดราคาพร้อมกัน เมื่อมีเทศกาลสำคัญหรือให้ลูกค้าที่ครบรอบวันเกิดมีสิทธิพิเศษในการซื้อ หนังสือราคาลดพิเศษ และประชาสัมพันธ์ตามสื่อในการเปลี่ยนค่านิยมการมอบของขวัญเสริมสร้างปัญญา และคุณภาพชีวิต
จัดโครงการบริหารเวลาในการอ่านหนังสือ
หน่วย งานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนเห็นประโยชน์ของการใช้เวลาเล็ก น้อยเพื่ออ่านหนังสือ เช่น ชี้ให้คนรู้ว่าหากเราใช้เวลาวันละ 15 นาทีในการอ่านหนังสือ ในหนึ่งปีเราสามารถอ่านหนังสือได้เกือบ 17 เล่ม หรือเทียบเท่ากับสถิติการอ่านหนังสือของคนสิงคโปร์ และเราจะได้รับความรู้มากมายจากการอ่าน แนวทางอาจขอความร่วมมือจากสำนักงานต่าง ๆ เริ่มจากสำนักงานในสังกัด กทม. ในการกำหนดเวลาเจาะจงในการอ่านหนังสือ วันละ 15 นาที ให้พนักงานอ่านพร้อมกัน เพื่อกระตุ้นให้มีเวลาในการอ่านอย่างจริงจังในทุก ๆ วัน และส่งเสริมให้ทุกโรงเรียน ทุกหน่วยงานมีการประชาสัมพันธ์และให้เวลาอ่านหนังสืออย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการประชาสัมพันธ์หนังสือน่าอ่าน เปิดโอกาสให้มีเวทีพูดคุยหนังสือที่มีประโยชน์ต่าง ๆ เป็นต้น
                                               
จัดชั้นหนังสือหนึ่งบ้าน หนึ่งชั้นหนังสือ
โครงการ นี้ตั้งขึ้นเพื่อให้ทุกบ้านมีชั้นหนังสือ หรือมุมอ่านหนังสือ ที่เอื้อให้เกิดบรรยากาศการใช้เวลาอ่านหนังสือในระดับครอบครัว และเปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน นำมาซึ่งความเข้าใจกัน และมีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แนบแน่น ซึ่งจะนำไปสู่การลดปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ลดภาวะความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน และลดปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้น
กทม. อาจเกื้อหนุนจัดหาตู้ราคาถูกจากฝีมือผู้ต้องขังหรือจากศูนย์ส่งเสริมอาชีพ มาเสนอขายให้กับบ้านที่ต้องการซื้อตู้หนังสือ ซึ่ง กทม.อาจต้องแบกรับภาระต้นทุนบางส่วน โดยอาศัยเงินจากงบประมาณที่ได้รับ เพื่อให้ประชาชนซื้อหาได้ในราคาที่ไม่แพง พร้อมกันนี้ควรจัดรณรงค์ให้ทุกบ้านอ่านหนังสือเป็นกิจวัตรประจำวัน และได้มีโอกาสใช้เวลาอ่านหนังสือร่วมกัน
จัด ห้องสมุดเฉพาะทางทั่ว กทม.
การ ส่งเสริมให้เกิดห้องสมุดเพิ่มขึ้น โดยคิดแต่เพียงการมีห้องสมุดและมีหนังสืออะไรก็ได้นั้น อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในลักษณะการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนอยากเข้ามาใช้ บริการ เสนอว่าควรส่งเสริมให้เกิดหรือขยายผลการใช้ห้องสมุดเฉพาะทางให้มากขึ้น เพื่อให้กลุ่มประชาชนที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นมีแหล่งค้นคว้า แหล่งที่เขาจะเข้ามาใช้บริการได้ โดยควรส่งเสริมให้เกิดห้องสมุดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเฉพาะกลุ่ม เช่น ห้องสมุดอาชีพ สำหรับประชาชนที่ต้องการค้นคว้าเกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ ที่ตนสนใจ ห้องสมุดมวยไทย เป็นแหล่งรวบรวมข้อเขียนเกี่ยวกับประวัติมวยไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นต้น 
โครงการ สนับสนุนให้คน กทม. รักการอ่าน ไม่จำเป็นต้องพึ่งเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ แต่ควรกระจายให้หน่วยต่าง ๆ ในสังคมมีส่วนร่วมคิดอย่างสร้างสรรค์ หลากหลาย และผลักดันให้เกิดการสนับสนุนและร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน เพราะหากดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม ผมเชื่อว่า จะสามารถพัฒนาให้คน กทม. รักการอ่านได้ในที่สุด

Tuesday, June 21, 2011

เทคนิคการอ่านหนังสือ และสื่อประเภทต่างๆ

เทคนิคการอ่านหนังสือ และสื่อประเภทต่างๆ
1. เทคนิคการอ่านสารคดี ซึ่งแบ่งออกเป็น
  • ?หนังสืออ้างอิง ทุก ประเภทซึ่งมีความแตกต่างกันการรู้จักใช้ส่วนต่างๆ ของหนังสือและเครื่องมือที่ช่วยในการค้นคว้าได้รวดเร็ว เพราะการค้นคว้าหนังสืออ้างอิงไม่จำเป็นจะต้องอ่านทั้งเล่ม ค้นคว้าเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งที่ต้องการเท่านั้น การใช้ส่วนต่างๆ ของหนังสือ เช่น? หน้าปก หน้าปกใน คำนำ คำอธิบายวิธีใช้? สารบัญ ดัชนี? ดัชนีริมกระดาษ??? อภิธานศัพท์ ฯลฯ
นอกจากนั้น การใช้เครื่องมือที่ช่วยในการค้นคว้าได้รวดเร็ว เช่น คำนำทางที่หนังสือ (สำหรับหนังสือเป็นชุด) คำนำทางที่อยู่ตอนบนของหน้ากระดาษทุกๆหน้า (ส่วนใหญ่จะมีในหนังสือพจนานุกรมและสารานุกรม) และส่วนโยงที่มีอยู่ทั้งใน เนื้อเรื่อง และดัชนี เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยในการค้นคว้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ?หนังสือสารคดีทั่วๆ ไป เทคนิคในการค้นคว้าให้รวดเร็ว เช่นเดียวกับเทคนิคการค้นคว้าหนังสืออ้างอิงแต่ส่วนที่สำคัญที่ผู้อ่านควร รู้จักอ่านให้เกิดประโยชน์และรวดเร็ว นั่นคือการอ่านบทสรุปของหนังสือสารคดีทุกเล่มเพื่อเลือกอ่านเล่มที่ตรงกับ ความต้องการมากที่สุดทำให้ไม่เสียเวลาอ่านเนื้อเรื่องจนจบทั้งเล่ม
2. เทคนิคการอ่านหนังสือนวนิยาย และเรื่องสั้น
  • การอ่านนวนิยาย จะต้องอ่านเพื่อหาแกนหรือแก่น (Theme) ของเรื่อง ข้อคิดเห็นหรือปรัชญาของผู้เขียนที่แฝงไว้ตลอดจนความเหมาะสมของโครงเรื่อง (Plot) ตัวละคร ฉาก บทสนทนาฯลฯ
  • ?การอ่านเรื่องสั้น จะ ต้องพิจารณา เทคนิคการเขียนในการเริ่มต้นเรื่องน่าสนใจเพียงไร การดำเนินเรื่องและจุดจบที่หักมุมได้อย่างสวยงาม เป็นการคลี่คลายปมที่ทำให้?ผู้อ่านเกิดอารมณ์และความประทับใจ
3. เทคนิคการอ่านวารสารหรือนิตยสารและหนังสือพิมพ์
  • เทคนิคการอ่านวารสารหรือนิตยสารทางวิชาการ ควรรู้จักการค้นคว้าโดยใช้ดัชนีวารสารช่วยค้น และการใช้สารบัญ บทคัดย่อ หรือบทสรุป ช่วยในการอ่านให้รวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาอ่านจนจบนอกจากสนใจเรื่องใดจึง อ่านอย่างมีวิจารณญาณ
  • เทคนิคการอ่านวารสารบันเทิง การ รู้จักใช้สารบัญและการเลือกอ่านบทความที่มีสาระไม่เป็นพิษเป็นภัย จะช่วยทำให้ผู้อ่านมีความรอบรู้ และได้รับความบันเทิงไปด้วย ทำให้คลายเครียดและคลายเหงาได้เป็นอย่างดี
  • เทคนิคการอ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์มีทั้งหนังสือพิมพ์รายวัน? ราย 3 วัน? รายสัปดาห์ ฯลฯ การอ่านหนังสือพิมพ์ควรอ่านข่าวพาดหัว และเลือกอ่านข่าวที่น่าสนใจ จะช่วยทำให้ผู้ที่มีเวลาน้อยจะสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้หลายๆฉบับ และเลือกอ่านฉบับที่เสนอข่าวรวดเร็วเที่ยงตรงไม่มีอคติ เป็นต้น
4. เทคนิคการอ่านสื่อโฆษณา ฉลากยา ฉลากโภชนาการ ฉลากของเล่นและเกมต่างๆ ฯลฯ
  • การอ่านสื่อโฆษณา ต้องพิจารณาเงื่อนไข และกติกา? หาเหตุผลและความน่าเชื่อถือ ความน่าจะเป็นไปได้? เพราะอาจถูกหลอกลวงได้ง่าย ต้องสอบถามจากผู้มีความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนการเปรียบเทียบรายละเอียดต่างๆ จากข้อมูลที่ค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คุณภาพของสินค้า และผู้จัดจำหน่ายที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
  • การอ่านฉลากยาและฉลากโภชนาการมี ความสำคัญที่จะต้องอ่านก่อนซื้อโดยต้องอ่านวันเดือนปีที่หมดอายุ? วิธีใช้และการเก็บรักษาบริษัทผู้ผลิต/อายุผู้ใช้ รายละเอียดของปริมาณของสารในการผลิต และต้องผ่าน อย. โดยอ่าน เครื่องหมาย อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
  • การอ่านฉลากของเล่นและเกมต่างๆ สำหรับ ของเล่นและเกมต่างๆ ก็เช่นเดียวกันถ้าเป็นของเล่นจากต่างประเทศจะต้องอ่านดูว่ามีคำว่า “Non-toxic” หรือไม่ ซึ่งหมายถึงการใช้สีและวัสดุที่ไม่มีพิษมีภัยกับเด็กและสำหรับของเล่นที่ ผลิตในประเทศไทยจะต้องได้รับการรับรองจากสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งจะบอกขั้นตอนการผลิต ขั้นตอนการเล่นและอายุผู้เล่น เป็นต้น นอกจากนั้นจะต้องพิจารณา ฉลากเขียว? (Green? Label)? ว่ามีหรือไม่ เพราะฉลากเขียวเป็นฉลากที่มอบให้แก่ผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้อยที่ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
  • การอ่านสื่อโสตทัศนวัสดุ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ต้องอ่านคำอธิบายวิธีใช้ บริการหลังการขายที่สำคัญมาก อายุของการประกัน คุณภาพ ราคาของการดูแลรักษา (ซึ่งแต่ละประเภท ราคา จะไม่เท่ากัน) ต้องเปรียบเทียบราคากับเครื่องอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ต้องศึกษาเพิ่มเติมจากผู้รู้และผู้มีประสบการณ์ ต้องศึกษาแนวโน้มของการผลิตรุ่นใหม่ๆ ที่มีเครื่องหรือชิ้นส่วนที่ใช้ด้วยกันได้หรือไม่ตลอดจนสามารถพัฒนาหรือปรับ ปรุงได้ และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเป็นเครือข่ายกับหน่วยงานอื่นๆ ได้ง่าย
?ต้องอ่านและพิจารณา ความสามารถของสื่อที่เหมาะสมกับการใช้งานและหน่วยความจำตลอดจนราคาที่เหมาะ สมกับคุณภาพ อ่านดูบริษัทผู้ผลิต พิจารณาความชำนาญและชื่อเสียงในการผลิตพิจารณาราคาในการติดตั้งและราคา เครื่องคอมพิวเตอร์ (ซึ่งไม่แพงและหาอาหลั่ยง่าย) และค่าสมาชิกซึ่งไม่แพงจนเกินไป เป็นต้น
======================
ผู้เขียน : รศ.ฉวีวรรณ? คูหาภินันทน์ อาจารย์ พิเศษโปรแกรมวิชาบรรณารักษศาสตร์ และสารนิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์? สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ หลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต? บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ที่มา : คัดลอกมาจากวารสารสารสนเทศ ปีที่ 4 ฉบับที่ 1? มกราคม – มิถุนายน 2546

Monday, June 20, 2011

มันคือสัจธรรม...

ชอบมาก โดนใจ


 
                               

 
อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา. สัมพันธภาพจะดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล
ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย  
เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ
เรามักทำให้คนที่เป็นห่วงเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้


เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร

คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม
เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...


ส่งให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย
หากคุณได้รับคืน หมายถึง คุณได้พบเพื่อนแท้แล้ว

Thursday, June 2, 2011

คดีความ ค้ า ง ค า ใ จ


       
คดีความ                       ทุกคดี
ล้วนต่างมี                    พยาน หลักฐาน
แพ้-ชนะ                      สู้คะคาน
ตาชั่งศาล                    วัด   ชั่ง    ตวง


ชี้ขาด                             ตามมาตรวัด
ใช่ชี้ชัด                          ทุกชั้นช่วง
เชิงชั้น                           ตัน  และ  กลวง
อาจเล่ห์ลวง                    ชั่ง   ตวง   วัด


ตาชั่ง                            ชี้ตามชั่ง
คนวาดหวัง                     อย่าเคืองขัด
ดี-ชั่ว                              ยังฉายชัด
ในวงวัฏ                          แห่งกรรมเวร


ตาชั่ง                             กฎแห่งกรรม
จะชั่งซ้ำ                          ให้ได้เห็น
ตวงวัดโทษ                    ทุกประเด็น
อันหลบเร้น                   ค้างคาใจ  !


                         ว.แหวนลงยา