Wednesday, November 7, 2012

วันบิดาแห่งฝนหลวง (14 พฤศจิกายน)

วันบิดาแห่งฝนหลวง (14 พฤศจิกายน)

 

วันบิดาแห่งฝนหลวง
ทุกวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี

วันบิดาแห่งฝนหลวง

ความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง
ต้นกำเนิดโครงการพระราชดำริฝนหลวง
“…แต่มาเงยดูท้องฟ้า มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไมจะดึงเมฆนี่ลงมาให้ได้
ก็เคยได้ยินเรื่องการทำฝน ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้มี มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้…”
วันบิดาแห่งฝนหลวง

วันบิดาแห่งฝนหลวง (14 พฤศจิกายน)

โครงการ พระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งซึ่งมีสาเหตุมาจาก ความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติหรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร ในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอนับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จนตราบเท่าทุกวันนี้ ทรงพบเห็นว่าภาวะแห้งแล้ง ได้ทวีความถี่ และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นตามลำดับ เพราะนอกจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติแล้ว การตัดไม้ทำลายป่า ยังเป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร ในทุกภาคของประเทศ ทำความเสียหายแก่เศรษฐกิจโดยรวมของชาติเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
ตาม เส้นทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน ทางอากาศยานดังกล่าว ทรงสังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกัน จนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศ ให้เกิดเป็นฝนตกได้ อย่างแน่นอน
ตามที่ทรงเล่าไว้ จาก พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งทรงรอบรู้ และเชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับทั้งใน และต่างประเทศ จนทรงมั่นพระทัย จึงพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น ในปีถัดมา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าให้เป็นไปได้
การทดลองในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก จนถึงปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบิน ปราบศัตรูพืชกรมการข้าว และพร้อมที่จะให้การสนับสนุน ในการสนองพระราชประสงค์ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบว่า พร้อมที่จะดำเนินการ ตามพระราชประสงค์แล้ว ดังนั้นในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการ และหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลอง เป็นคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองเป็นแห่งแรก โดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง (dry ice หรือ solid carbondioxide) ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆ ทดลองเหล่านั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆอย่างเห็นได้ชัดเจน เกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเคลื่อนตัวตามทิศทางลม พ้นไปจากสายตา ไม่สามารถสังเกตได้ เนื่องจากยอดเขาบัง แต่จากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน และได้รับรายงานยืนยันด้วยวาจาจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่ทดลองวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด นับเป็นนิมิตหมายบ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้



พระบิดาแห่งฝนหลวง

พระ ราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อประชาชนและประเทศชาติในโครงการพระราชดำริฝนหลวงมีมากมายนานัปการ ทรงเป็นผู้ให้กำเนิด “ฝนหลวง” จากพระราชดำริเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงพบเห็นความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนในถิ่นทุรกันดารอันเนื่องมากจาก ความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนของฝนตามธรรมชาติ ดังข้อความในพระราชบันทึกพระราชทานว่า “....เมื่อมีฝนก็มีมากเกินพอ จนเกิดปัญหาน้ำท่วม เมื่อหมดฝนก็เกิดปัญหาภัยแล้งตามมา นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของความยากจนของประชาชน เมื่อแหงนมองท้องฟ้ามีเมฆมาก แต่ลดพัดพาผ่านไปไม่ตกเป็นฝนน่าจะมีวิธีบังคับให้ฝนตกสู่พื้นที่แห้งแล้ง ได้....” พระองค์จึงทรงทุ่มแทและเสียสละเวลา และพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อ ใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวงด้วยพระวิริยะอุตสาหะและพระเมตตาที่มีต่อ ประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากจากภัยแล้ง ทรงทำการศึกษาทบทวน และวิเคราะห์วิจัยจนทรงสามารถค้นพบและสรุปเป็นข้อ สมมติฐาน ทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าได้เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ ทรงทำการวิจัยและพัฒนากรรมวิธีควบคู่กับการพระราชทานข้อแนะนำทางเทคนิคต่าง ๆ ในการทำฝนกู้ภัยแล้ง ทรงสนพระทัยและติดตามผลการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง หากเกิดวิกฤตการณ์ภัยแล้งอย่างกว้างขวางและรุนแรงของประเทศ พระองค์จะทรงพระราชทานข้อแนะนำทางเนคนิคในการวางแผน และปรับแผนการทำฝนเทียม ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น บางครั้งได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เข้าช่วยเหลืออีกด้วย “โครงการฝนหลวง” สามารถแก้ไขวิกฤตภัยแล้งได้สำเร็จเป็นอย่างดี
ในปัจจุบันโครงการหลวงมีภารกิจทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขภัยแล้ง ป้องกันฝนทิ้งช่วงและเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อนต่าง ๆ และทำฝนหลวงเพื่อทำการชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตรกรรม และป่าไม้ในช่วงฤดูฝน ตามแนวพระราชทานนโยบายเพื่อลดการใช้น้ำจากเขื่อน ลดโอกาสเกิด ไฟป่าและทำฝนดับไฟป่า เพื่อช่วยลดความเสียหายจากไฟป่าได้อย่างมาก ด้วย โครงการฝนหลวงได้ปฏิบัติงาน ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติมาโดยตลอด ดังนั้นคณะรัฐมนตรีในการประชุมวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงมีมติเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายพระราชสมัญญา “พระบิดาแห่งฝนหลวง” และกำหนดให้วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันพระราชบิดาแห่งฝนหลวง
ข้อมูลจาก : http://www.aksorn.com

“นายพีระ ตันติเศรณี” นายกฯ นครสงขลา ถูกลอบยิงเสียชีวิต



       ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ถูกลอบยิงเสียชีวิตแล้ว เหตุเกิดบริเวณด้านหน้าสำนักงานภาคีคนรักสงขลา ถ.นครใน เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา หลังจาก นายพีระ เสร็จจากการร่วมประชุม
      
       ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเบื้องต้นว่า กลุ่มคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้อาวุธสงครามทั้งปืน เอ็ม 16 และคาร์บิน ยิงถล่มเข้าใส่ ก่อนจะใช้รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เทา หลายเลขทะเบียน 7856 สงขลา เป็นพาหนะในการหลบหนี โดยขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุประสานกำลังเร่งให้สกัดจับคนร้ายบนเส้นทางออก นอกเมืองทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นบนถนนลพบุรีราเมศวร์ ที่มุ่งสู่ อ.หาดใหญ่ และ จ.พัทลุง หรือถนนสายสู่ อ.สิงหนคร และ อ.จะนะ เป็นต้น


คนร้ายลอบยิง นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิต
รายงานข่าวแจ้งว่า  นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ถูกลอบยิงเสียชีวิต ค่ำวันนี้ (7พ.ย.) ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานภาคีคนรักสงขลา ถ.นครใน เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุ
ทัง้นี้ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนคาร์บิน และเอ็ม 16 ตก อยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนมาก รายงานระบุกลุ่มคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3 คน  ก่อนจะใช้รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน 7856 สงขลา เป็นพาหนะในการหลบหนี เบื้องต้นอยู่ระหว่างสกัดจับผู้ก่อเหตุ  และสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่าผู้ตายมีความขัดแย้งในเทศบาลนครสงขลา




ยิง'พีระ'นายกเล็กนครสงขลาดับ

คนร้ายซิ่งปิกอัพประกบยิง "พีระ ตันติเศรณี" นายกเล็กนครสงขลาเสียชีวิต คาดปมขัดแย้งในเทศบาล

              เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายพีระ ตันติเศรณี อายุ 53 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสงขลาฟอรั่ม เลขที่ 97 ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเปิดเป็นศูนย์ประสานงานโครงการพลังพลเมืองเยาวชนสงขลา

              จากการตรวจสอบพบว่า นายพีระถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าร้านดังกล่าว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 และคาร์บิน เข้าลำตัวและศีรษะจนพรุน ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนทั้งสองชนิดตกอยู่เกือบ 50 ปลอก

              สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายพีระได้เข้าไปร่วมประชุมกับกลุ่มเอ็นจีโอเรื่องปัญหาสาร กัมมันตรังสี หลังได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินที่ลงพื้นที่ติดตามปัญหาในวัน ดังกล่าว หลังประชุมเสร็จได้เดินออกมาขึ้นรถตู้ประจำตำแหน่ง ยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน นข 3336 สงขลา ที่จอดเยื้องออกไปหน้าร้าน ได้มีกลุ่มคนร้าย 3 คนขับรถกระบะวีโก้ สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับมาจอดด้านหน้าร้านดังกล่าว ก่อนใช้อาวุธสงครามกราดยิงจนเสียชีวิตคาที่ ทั้งยังกราดยิงรถตู้ของนายพีระจนพรุนทั้งด้านหน้าและหลัง ก่อนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

              หลังเกิดเหตุนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าฯ สงขลา เดินทางมาร่วมตรวจสอบร่วมกับตำรวจ พร้อมสั่งการให้สกัดจับรถยนต์ของคนร้ายตามเส้นทางขาออกตัวเมืองสงขลาทุกเส้น ทาง รวมทั้งวิทยุประสานตำรวจทุกสถานีที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่คนร้ายจะหลบหนี แต่ยังไร้วี่แวว


              สำหรับสาเหตุของการสังหารนายพีระที่เพิ่งเข้าดำรงตำแหน่งนี้ในสมัยแรกนั้น ตำรวจมุ่งประเด็นไปที่เรื่องการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะการบริหารงานภายในของเทศบาลนครสงขลา ซึ่งก่อนหน้านี้รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้ขอลาออกยกชุด 4 คน เนื่องจากไม่พอใจการทำงานของนายพีระ ต่อมานายพีระได้สั่งพักราชการข้าราชการประจำของเทศบาลนครสงขลาอีก 8 คน และได้มีการยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไปยังผู้ว่าฯ สงขลา ส่วนประเด็นการเคลื่อนไหวให้มีการขนย้ายสารกัมมันตรังสีของบริษัทหนึ่งนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นส่วนตัวทิ้งเช่นกัน 

              ขณะที่นายไกรเลิศ เรืองสงฆ์ ประธานสภาเทศบาลนครสงขลา เปิดเผยว่า เป็นเหตุที่อุกอาจมาก เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุอยู่กลางเมือง อีกทั้งอาวุธที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธสงคราม สาเหตุเบื้องต้นเชื่อว่ามาจากเรื่องขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่

              "ยอมรับว่า ที่ผ่านมาการบริหารเกี่ยวกับงานการเมืองท้องถิ่นในระดับพื้นที่มีหลายเรื่อง หลายประเด็นที่เกิดขึ้นและนำมาสู่ประเด็นความขัดแย้งในการบริหารงานภายใน ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นปมการสังหาร เบื้องต้นผมทราบรายละเอียดเป็นอย่างดีและพร้อมจะเข้าให้การต่อตำรวจ เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้" นายไกรเลิศกล่าว

              มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงประเด็นสังหาร ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักเรื่องขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น แม้ช่วงนี้จะมีเรื่องการตรวจสอบเกี่ยวกับสารกัมมันตรังสีก็ตาม แต่ไม่น่าเป็นประเด็นรุนแรงถึงขั้นลอบสังหาร





นครศรีธรรมราช-ยิง ผบ.เรือนจำทุ่งสง พร้อมผู้คุม สาหัส


 
 
คน ร้ายขับรถเก๋งลงมาจ่อยิงระยะเผาขนผู้บัญชาการเรือนจำทุ่งสง และผู้คุมอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุคาดจากการเอาจริงเรื่องปราบปรามยาเสพติด

แพทย์ รพ.ทุ่งสง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน คือ นายพิชิตร วรรณจิตร อายุ 56 ปี ผู้บัญชาการเรือนจำ ทุ่งสง ถูกยิงด้วยกระสุนขนาด 9 มม. เข้ากลางแผ่นหลัง 1 นัด กระสุนฝังใน อาการสาหัส นายวีระศักดิ์ เรืองเกิด อายุ 53 ปี ผู้คุมเรือนจำ ถูกยิงเข้าขาขวา และ นายภักดี สุรภักดิ์ อายุ 52 ปี ผู้คุมเรือนจำ และเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ถูกยิงเข้าที่แขนขวา และแผ่นหลัง อาการสาหัส ยังไม่รู้สึกตัว

โดยก่อน หน้านี้ ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน กำลังนั่งรับประทานอาหารกันที่บ้านของ นายภักดี สุรภักดิ์  ผู้คุมเรือนจำ ตั้งอยู่ริมถนนสาย ทุ่งสง-นครศรีธรรมราช ห่างจากเรือนจำ ประมาณ 2 กม. ระหว่างนั้นมี คนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อ และทะเบียน มาจอดบนถนนหน้าบ้าน จากนั้นมีคนร้าย 1 คน เดินลงมาจากรถตรงมาที่ทั้ง 3 คน กำลังที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้าน แล้วชักปืนขนาด 9 มม.ออกมาจ่อยิงในระยะเผาขนหลายสิบนัดจนวงแตกกระเจิง สิ้นเสียงปืน คนร้ายวิ่งไปขึ้นรถที่ติดเครื่องรออยู่ขับมุ่งหน้าไปทางตลาดทุ่งสง พลเมืองดีจึงรีบนำคนเจ็บทั้งหมด ส่ง รพ.และแจ้งเจ้าหน้าที่ ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เก็บปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ได้จำนวน 8 ปลอก จึงเก็บใว้เป็นหลักฐาน
ส่วน สาเหตุตำรวจ คาดว่ามาจากเรื่องที่ ผบ.เรือนจำทุ่งสง เป็นคนเอาจริงเอาจังเรื่องยาเสพติด ทั้งปราบปรามและป้องกัน จนยาเสพติดทะลักเข้าเรือนจำไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน อาจสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ จึงวางแผนจ้างมือปืนมาก่อเหตุดังกล่าว



คาดยิงผบ.เรือนจำทุ่งสงปมปราบยาเสพติด


วันนี้(7  พ.ย.)   พ.ต.อ.สุชาติ  วงศ์อนันต์ชัย   อธิบดีกรมราชทัณฑ์  กล่าวถึงกรณีคนร้ายบุกยิงนายพิชิต  วรรณจิตต์  ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอทุ่งสง  จ.นครศรีธรรมราช และลูกน้อง รวม 3 คน บาดเจ็บสาหัส ว่า ตนได้มอบหมายให้นายกอบเกียรติ  กสิวิวัฒน์  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์   ลงไปติดตามสถานการณ์ เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลทุ่งสง และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เรือนจำ
อย่างไรก็ตาม สำหรับมูลเหตุที่นำไปสู่การลอบยิงขณะนี้ทางกองบังคับการ ตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และฝ่ายสืบสวน สภ.ทุ่งสง  อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวน  เบื้องต้นได้ตั้งมูลเหตุไว้หลายประเด็นทั้งเรื่องส่วนตัว และปัญหายาเสพติดในเรือนจำ   เนื่องจากเรือนจำอำเภอทุ่งสงถือเป็นหนึ่งในเรือนจำที่ใช้ควบคุมผู้ต้องขังยา เสพติดรายใหญ่ที่ย้ายมาจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช  ซึ่งผู้ต้องขังที่ย้ายมาส่วนใหญ่ยังคงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายา เสพติดนอกเรือนจำ  ขณะที่เรือนจำดังกล่าวเพิ่งมีการปรับย้ายตำแหน่งใหม่ โดยมอบหมายให้นายพิชิตเข้าไปทำหน้าที่ เพราะเห็นว่าเป็นคนทำงานดี และทำโครงการเรือนจำสีขาวที่เรือนจำอำเภอเบตง  จ.ยะลา  จนได้รับคำชื่นชม และเมื่อเข้ามารับหน้าที่แล้วตนได้กำชับให้กวาดล้างยาเสพติดในเรือนจำทุกวัน ซึ่งอาจเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้ผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องขบวนการค้ายาเสพติด เสียประโยชน์ก็เป็นได้จนก่อเหตุ  ซึ่งนายพิชิตเพิ่งมาดำรงตำแหน่งได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น
 

ฆ่าผู้คุมปราบยา ประจำคุกนครศรีฯ มือปืน2ชุดถล่ม




มือปืน 2 ทีมมากับปิกอัพ-จยย. ประกบยิงผู้คุมคุกนครศรีฯ ดับสยองคาถนนหลังออกเวร ไม่นานเพิ่งค้นเจอยาไอซ์-ตงฉินปราบยา ตร.ให้น้ำหนักสาเหตุมาจากแก๊งยาล้างแค้น...

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 ส.ค. 2555 ร.ต.อ.มนตรี ปานอ่อน พนักงานสอบสวน (สบ1) ร้อยเวร สภ.พระพรหม ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายพระพรหม–นพวงศ์ เยื้องปากทางเข้าวัดหนองจระเข้ หมู่ 5 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพ นายออด แซ่ผั่ว อายุ 49 ปี ผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 5 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีดำแถบแดง ทะเบียน คงธ 270 นครศรีธรรมราช ล้มอยู่ข้างศพ ตรวจพบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. เข้าที่สะบักหลังขวา 1 นัดทะลุชายโครงด้านซ้าย รวมถึงแขนด้านซ้าย 1 นัด และบริเวณถนนยังพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 3 ปลอก

จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายออดได้เข้าเวรที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ใน ต.นาพรุ อ.พระพรหม กระทั่งช่วงเช้าออกเวรก็แวะดื่มกาแฟกับเพื่อนผู้คุมที่บริเวณโรงเรือนข้างป้อมรักษาการณ์ของเรือนจำ พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็ขี่รถ จยย.กลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้ายใช้พาหนะ 2 คัน คือ รถ จยย. และรถกระบะ สีบรอนซ์เงิน ไล่ติดตามมา โดยรถ จยย. ขี่นำหน้า มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่ประกบผู้ตาย ก่อนที่คนนั่งซ้อนท้ายจะชักปืนยิงใส่ 3 นัด แต่กระสุนไม่ถูกผู้ตาย ทำให้รถกระบะขับตามประกบ แล้วคนร้ายที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่คนขับก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่อีก 3 นัด คราวนี้กระสุนเจาะร่างผู้ตาย จนรถ จยย.ล้มลงเสียชีวิตทันที หลังก่อเหตุกลุ่มคนร้ายก็พากันหลบหนีไปทางสี่แยกนพวงศ์ ซึ่งตำรวจได้วิทยุสกัดจับ พร้อมจัดกำลังออกติดตามไล่ล่า แต่ไม่พบคนร้าย

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจจุดเกิดเหตุอยู่นั้น นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือนจำ ก็เดินทางมายังที่เกิดเหตุ ซึ่งนายสุรพลมีท่าทางเคร่งเครียดมาก พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่น่าเลย อุกอาจจริงๆ” ก่อนจะโทรศัพท์รายงานเหตุไปยัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทันที

พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า นายออดทำงานเป็นผู้คุมอยู่ในเรือนจำมานาน ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าเรือนจำ พยาบาลของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่สำคัญเป็นคนตงฉินมาก ทำงานเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการตรวจค้นจับกุมยาเสพติดและของต้องห้ามในเรือนจำ
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่วัน นายออดได้ค้นพบยาไอซ์หนัก 6 กรัม ซุกอยู่ในเรือนจำ จึงแจ้งผู้บังคับบัญชา พร้อมประสานมายังตำรวจให้เข้าไปตรวจสอบ รวมทั้งสอบสวนหาตัวนักโทษที่เป็นเจ้าของยาเสพติด และก่อนหน้านี้ นายออดยังได้ช่วยเหลือทางราชการมาตลอด คาดว่าปมสังหารน่าจะเป็นปฏิบัติการข่มขวัญจากเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำและนอกเรือนจำ หรือการล้างแค้นเจ้าหน้าที่ของเครือข่ายนี้ เนื่องจากพบว่ากลุ่มยาเสพติดได้ตั้งค่าหัว พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ไว้ 15 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและผู้คุม ที่เป็นกำลังหลักในการตรวจค้นกวาดล้างจับกุมยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำครั้งใหญ่ที่ผ่านมา โดยมีค่าหัวลดหลั่นกันไปตามลำดับ ซึ่งนายออดเป็นผู้คุมคนแรกที่ประเดิมชีวิต หลังมีการตั้งค่าหัวเจ้าหน้าที่

ส่วนสาเหตุอื่นนั้น เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่น่าจะมีน้ำหนักถึงขั้นถูกฆ่าตาย อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นการฆ่าข่มขวัญเจ้าหน้าที่แล้ว ประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวอื่นๆ ตำรวจก็ไม่ได้ตัดทิ้ง จะได้เร่งสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป

ด้านนายสุรพล กล่าวว่า ได้รายงานเหตุการณ์ไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้ว แม้ตนจะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.เรือนจำ ได้ไม่นาน แต่เท่าที่ทราบจากเพื่อนผู้คุมและเจ้าหน้าที่ส่วนบังคับบัญชาในเรือนจำ รวมทั้งดูการปฏิบัติงานในระยะเวลาที่ผ่านมา นายออดเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ซื่อสัตย์สุจริต และเป็นกำลังสำคัญในการจู่โจมตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ มาตลอด ซึ่งตนได้แจ้งให้ผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชทุกคนระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น หากพบความผิดปกติเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต ก็ให้รีบแจ้งมาที่ตนหรือรองผู้บัญชาการเรือนจำ เพื่อจะได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกัน หรือให้ความคุ้มครอง

ทั้งนี้ แม้ว่าในการทำงานแต่ละวันที่เรือนจำในขณะนี้ จะมีกำลังตำรวจจากทั้งตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ ภ.จว.นครศรีธรรมราช มาอารักขาและตรวจตรารอบเรือนจำหลายชั้นก็ตาม แต่เมื่อเดินทางออกนอกเขตเรือนจำอาจเกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และผู้คุมส่วนใหญ่ยังคงมุ่งหน้าและตั้งมั่นในการทำงาน รวมทั้งมีกำลังใจที่ดี และการกวาดล้างยาเสพติด-สิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดในเรือนจำและเครือข่าย จะต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อทำเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชให้เป็นเรือนจำสีขาวให้ได้.

Bram Stoker นักเขียนนวนิยาย


Bram Stoker books – หากจะพูดถึง Bram Stoker หลายคนอาจจะสงสัยว่าเขาคือใคร? แต่หลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดีกับนักประพันธ์นวนิยายสยองขวัญชื่อดังระดับโลกอย่าง “Bram Stoker’s Dracula” วันนี้ ( 8 พฤศจิกายน 2555) เป็นวันครบรอบ 165 ปีวันเกิดของ Bram Stoker
ประวัติที่น่าสนใจของ Bram Stoker
Bram Stoker หรือชื่อเต็มว่า Abraham “Bram” Stoker เป็นนักประพันธ์นวนิยายและนักเขียนเรื่องสั้นชาวไอริช เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1847 เกิดที่เขตคลอนทาร์ฟ กรุงดับลิน ไอร์แลนด์ (Clontarf, Dublin, Ireland) พ่อของเขามีชื่อเดียวกับลูกชาย คือชื่ออับราฮัม สโตเกอร์ ส่วนมารดาชื่อชาร์ลอตต์ เป็นคนจังหวัดโดนกัล ที่อยู่ตอนเหนือสุดของไอร์แลนด์ พวกเขาแต่งงานกันในปี 1844 ครอบครัวของสโตเกอร์ มีพี่น้อง 7 คน โดยสโตเกอร์เป็นลูกคนที่ 3 ครอบครัวของสโตเกอร์ เป็นโปแตสแตนต์ พวกเขามักพาลูกไปโบสถ์คลอนทาร์ฟ
สโตเกอร์เป็นเด็กที่อ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เขาต้องนอนอยู่บนเตียงเกือบตลอดเวลาจนกระทั้งเมื่ออายุใกล้ 7 ปี สุขภาพก็แข็งแรงขึ้น ตอนเด็กสโตเกอร์ชอบฟังแม่ของเขาเล่านิทานและเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง สโตเกอร์ฟังใจกับเรื่องการระบาดของอหิวาต์ครั้งใหญ่ในปี 1832 ในอังกฤษ ซึ่งกินชีวิตผู้คนหลายหมื่นคน และยังระบาดทั่วยุโรปนานหลายปีทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านคน
ในปี ค.ศ. 1864 สโตเกอร์ เข้าเรียนหนังสือที่วิทยาลัยทรินิตี้ ในดับลิน เขาเรียนหนังสือเก่งและเป็นนักกีฬา ระหว่างที่เรียนนี้เขาเข้าร่วมกับสมาคมประวัติศาสตร์ และยังเป็นประธานของสมาคมปรัญชา ซึ่งกับ The Phil สโตเกอร์มีผลงานเขียนบทความ Sensationalism in Fiction and Society
ปี ค.ศ. 1870 หลังจากที่สโตเกอร์เรียนจบจากทรินิตี้ โดยได้ใบประกาศเกียรติคุณในวิชาคณิตศาสตร์ และได้เข้าทำงานให้กับรัฐ ซึ่งเขาทำงานอยู่ที่นี่นานนับสิบปี ระหว่างนี้ได้ทำงานเขียนบทความเป็นนักวิจารณ์ละคร ให้กับหนังสือพิมพ์ The Dublin Mail ซึ่งการไปชมละครเวที่ทำให้เขาได้รู้จักกับนักแสดงชาวอังกฤษชื่อ เฮนรี่ เออร์วิ่ง (Henry Irving)
ในวันที่ 4 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1878 แต่งงานกับ ฟลอเรนซ์ บาลคอมบ์ (Florence Balcombe) เธอนักแสดงหญิง ที่มีหน้าตาสวย , หลังแต่งงานไม่ถึงอาทิตย์ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ในลอนดอน ซึ่งสโตเกอร์ได้ตอบตกลงที่จะมาทำงานเป็นเลขาฯ ให้กับเออร์วิ่ง และเป็นผู้จัดการของโรงละครไลเคียม (Lyceum Theatre) ที่เออร์วิ่งเป็นเจ้าของ เขาทำงานอยู่ที่นี่นานถึง 27 ปี
ในปี ค.ศ. 1881 ผลงานหนังสือเล่มแรกของสโตเกอร์ Under the Sunset เป็นหนังสือเล่มแรกของเขา เป็นผลงานเขียนรวมเรื่องสั้น 8 เรื่องที่สโตเกอร์แต่ง
ส่วนนวนิยายที่สร้างชื่อเสียงให้สโตเกอร์เป็นที่รู้จักก็อย่าง Dracula ได้ถูกตีพิมพ์ออกมาในวันที่ 18 พฤษภาคมปี ค.ศ. 1897 โดยก่อนที่สโตเกอร์จะเขียนแดร็กคูล่า เขาใช้เวลาหลายปีในการเก็บข้อมูล สโตเกอร์เดินทางท่องเที่ยวไปหลายประเทศในยุโรป และประทับใจกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับแวมไพร์ แม้ว่าว่าสโตเกอร์เองนั้นไม่เคยเดินทางไปเยือนยุโรปตะวันออกหรือทรานซิลเวอร์เนียเลย ส่วนหนึ่งของแรงบันดาลของเขามาจากบทความ Transylvanis Superstitions (1885) ของอีมิลี เกราร์ด (Emily Gerard) , ปราสาทสเลนส์ (Slains Castle) ในสก็อตแลนด์ และนวนิยายเกี่ยวกับแวมไพน์ เรื่อง คาร์มิลล่า (Carmilla) ของเลอ ฟานู (Joseph Sheridan Le Fanu)

รายชื่อผลงานของ Bram Stoker ประเภทนวนิยาย (Bram Stoker Books/Novels)
  • The Primrose Path (1875)
  • Under the Sunset (1882)
  • The Snake’s Pass (1890)
  • The Watter’s Mou’ (1895)
  • The Shoulder of Shasta (1895)
  • Bram Stoker’s Dracula (1897)
  • Miss Betty (1898)
  • The Mystery of the Sea (1902)
  • The Jewel of Seven Stars (1904)
  • The Man (The Gates of Life) (1905)
  • Lady Athlyne (1908)
  • The Lady of the Shroud (1909)
  • The Lair of the White Worm (The Garden of Evil) (1911)
ผลงานของ Bram Stoker ประเภทเรื่องสั้น (Short Stories)
Under the Sunset เป็นหนังสือที่รวมเรื่องสั้นทั้ง 8 เรื่องของเขา
  • Under the Sunset
  • The Rose Prince
  • The Invisible Giant
  • The Shadow Builder
  • How 7 Went Mad
  • Lies and Lilies
  • The Castle of the King
  • The Wondrous Child
2. Snowbound
  • The Record of a Theatrical Touring Party
  • Preface
3. The Truth
4. BRAM STOKER
  • The Occasion
  • A Lesson in Pets
  • Coggins’s Property
  • The Slim Syrens
  • A New Departure in Art
  • Mick the Devil
  • In Fear of Death
  • At Last
  • Chin Music
  • A Deputy Waiter
  • Work’us
  • A Corner in Dwarfs
  • A Criminal Star
  • A Star Trap
  • A Moon-Light Effect
  • Dracula’s Guest
  • Buried Treasures
  • The Chain of Destiny
  • The Crystal Cup
  • The Dualitists (The Death Doom of the Double Born)
  • The Fate of Fenella
  • In the Valley of the Shadow
  • The Man from Shorrox’
  • Midnight Tales
  • The Red Stockade
  • The Seer

รายชื่อผลงานเขียนประเภท Non Fiction ของ Bram Stoker
  • The Duties of Clerks of Petty Sessions in Ireland (1879)
  • A Glimpse of America (1886)
  • Personal Reminiscences of Henry Irving (1906)
  • Famous Impostors (1910)
รายชื่อภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายของ Bram Stoker เช่น Bram Stoker’s Dracula, Nosferatu, Dracula, Dracula
Bram Stoker เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี ค.ศ. 1912 ที่กรุงลอนดอน ด้วยอาการเส้นเลือดในสมอง

Tuesday, November 6, 2012

ประเพณีและประวัติวันลอยกระทง 2555

วันลอยกระทง
ประเพณีและประวัติวันลอยกระทง 2555

วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
วันพุธ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2555

วันลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมายาวนาน

      อีกไม่กี่วันแล้วก็จะถึงงานเทศกาลวันลอยกระทง ซึ่งเป็นงานเทศกาลแห่งความสุขและรื่นเริง ลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมายาวนาน บ้างก็ว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย บ้างก็ว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เรียกได้ว่าเริ่มมีประวัติศาสตร์ชาติไทยขึ้นมาก็มีประเพณีลอยกระทงกันเลยทีเดียว

ประวัติวันลอยกระทงและประเพณีลอยกระทง

การลอยกระทงมีวัตถุประสงค์ด้วยกัน 2 ประการ คือ


      1. เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางท้องที่ถือว่าลอยกระทงเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในโอกาสที่พระพุทธองค์ได้ไปแสดงธรรมในนาคภิภพ และทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที (1) เพราะฉะนั้นการที่บ้านเรามีประเพณีลอยกระทง ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองก็เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในโอกาสนี้
      ส่วนทางเหนือนั้นมีประเพณียี่เป็ง มีทั้งลอยกระทงและลอยโคมขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งบรรจุอยู่ในจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราจึงจุดประทีป ลอยโคม ส่งใจขึ้นไปบูชาพระเขี้ยวแก้วร่วมกับพระอินทร์ที่นำหมู่เทวดาบูชาพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณีในวันเพ็ญเดือนสิบสองนี้เช่นกัน


      ยี่เป็งสันทราย ได้จัดประเพณีลอยกระทง และลอยโคม ซึ่งเป็นภาพวัฒนธรรมไทยที่งดงามมากในสายตาของชาวโลก และยังได้มีการจัดลอยโคมที่มองโกเลีย และอินเดียเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วด้วย

      2. เพื่อบูชาพระแม่คงคา เป็นการแสดงการขอบคุณน้ำ เพราะมนุษย์เราอยู่ได้เพราะน้ำ ตั้งแต่โบราณมาชุมชนทั้งหลายเวลาสร้างเมือง ต่างก็เลือกติดแม่น้ำ ดังนั้นถึงเวลาในรอบ 1 ปี ก็เลือกเอาวันเพ็ญเดือนสิบสอง ระลึกว่าตลอดปีที่ผ่านมา เราได้อาศัยน้ำในการดำรงชีวิต  ขณะที่ลอยกระทงเราก็นึกถึงคุณของน้ำ ไม่ใช่ลอยเฉยๆ ต้องรำลึกว่าต้องรู้จักใช้น้ำอย่างถูกวิธี และใช้น้ำอย่างคุ้มค่า ไม่ใช้ทิ้งขว้าง  ไม่ทำให้น้ำสกปรก ไม่ปล่อยของเสียลงแม่น้ำ เป็นการขอขมาและขอบคุณพระแม่คงคา ไม่ใช่เป็นการไหว้เทวดาพระแม่คงคาแต่อย่างใด แต่เป็นการแสดงการขอบคุณน้ำ ในฐานะที่เป็นผู้ให้ชีวิตเรา

ความเป็นมาของเทศกาลวันลอยกระทง  


คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทงมีอยู่หลายตำนาน ดังนี้
1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทม สินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไป จำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทาน ทีเมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของ พระพุทธเจ้า
6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้อง ทะเลลึกหรือสะดือทะเล

ประวัติวันลอยกระทงในประเทศไทย


วันลอยกระทง 2554 
การลอยกระทงในประเทศไทยมีมาตั้วแต่ครั้งสุโขทัย
      การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือ ลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานทีซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแค้วนทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา

การลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท


      เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลังจากเผยพระธรรมคำสั่งสอนแก่สาธุชนโดยทั่วไปได้ระยะหนึ่ง จึงเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้งจำพรรษาจนครบ 3 เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์เมื่อท้าวสักกเทวราชทราบพุทธประสงค์ จึงเนรมิตบันไดทิพย์ขึ้น อันมี บันไดทอง บันไดเงิน และบันไดแก้ว ทอดลงสู่ประตูเมืองสังกัสสนคร บันไดแก้วนั้นเป็นที่ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลง บันไดทองเป็นที่สำหรับเทพยดาทั้งหลายตามส่งเสด็จ บันไดเงินสำหรับพรหมทั้งหลายส่งเสด็จ ในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพและประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทำ การสักการบูชาด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามคตินี้ จึงเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากดาวดึงส์พิภพ (เป็นตำนานเดียวกับประเพณีการตักบาตรเทโวรับเสด็จพระพุทธองค์ลงจากดาวดึงส์)

      รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ไปปรากฏอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานทีมีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ คือ ครั้งหนึ่งพญานาคทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ พญานาคทูลขออนุสาวรีย์ไว้กราบไหว้บูชา พระพุทธองค์จึงทรงประดิษฐานรอยพระพุทธบาทไว้ที่หาดทราย ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานทีเพื่อให้บรรดานาคทั้งหลายได้สักการะบูชา
การลอยกระทงที่มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ยังมีอีก 2 เรื่อง คือ
      1. การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ และ
      2. การลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธองค์ในวันที่เสด็จกลับจากเทวโลก

ตำนานการลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี


ลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี

การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี




     เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ในเวลากลางคืนด้วยม้ากัณฐกะ พร้อมนายฉันทะมหาดเล็กผู้ตามเสด็จ ครั้นรุ่งอรุณก็ถึงฝั่งแม่น้ำอโนมานที เจ้าชายทรงขับม้ากัณฐกะกระโจนข้ามแม่น้ำไปโดยสวัสดี เมื่อทรงทราบว่าพ้นเขตกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว เจ้าชายสิทธัตถะจึงเสด็จลงประทับเหนือหาดทรายขาวสะอาด ตรัสให้นายฉันทะนำเครื่องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร ทรงตั้งพระทัยปรารภจะบรรพชา โดยเปล่งวาจา "สาธุ โข ปพฺพชฺชา" แล้ว จึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับพระเมาลีไว้และนำไปบรรจุยังพระจุฬามณีเจดียสถานในเทวโลก พระจุฬามณีตามปกติมีเทวดาเหาะมาบูชาเป็นประจำ

ตำนานการลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก 

       เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลังจากเผยพระธรรมคำสั่งสอนแก่สาธุชนโดยทั่วไปได้ระยะหนึ่ง จึงเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้งจำพรรษาจนครบ 3 เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์เมื่อท้าวสักกเทวราชทราบพุทธประสงค์ จึงเนรมิตบันไดทิพย์ขึ้น อันมี บันไดทอง บันไดเงิน และบันไดแก้ว ทอดลงสู่ประตูเมืองสังกัสสนคร บันไดแก้วนั้นเป็นที่ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลง บันไดทองเป็นที่สำหรับเทพยดาทั้งหลายตามส่งเสด็จ บันไดเงินสำหรับพรหมทั้งหลายส่งเสด็จ ในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพและประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทำ การสักการบูชาด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามคตินี้ จึงเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากดาวดึงส์พิภพ (เป็นตำนานเดียวกับประเพณีการตักบาตรเทโวรับเสด็จพระพุทธองค์ลงจากดาวดึงส์)

กำหนดการวันลอยกระทง

     วันลอยกระทง จัดขึ้นในทุกวันเพ็ญเดือนสิบสองของปี เป็นวันที่น้ำเต็มตลิ่ง วันเพ็ญซึ่งเป็นวันสว่าง และเดือนสิบสองที่มีน้ำเต็มตลิ่ง เหมาะกับการลอยกระทง


กระทงสำหรับลอยบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ลักษณะของกระทงที่ใช้ลอย

ลักษณะของกระทงที่ใช้ลอย

1. กระทงใบตอง ปักด้วยเทียน เป็นการบูชาพระสัมาสัมพุทธเจ้าด้วยแสงสว่าง
2. กระทงโฟม ต่อมามีโฟมก็เลือกใช้โฟม
3. กระทงสาย ทำจากกะลามะพร้าว ที่ขัดให้สะอาดและหลอมเทียนพรรษาใส่ลงไปในกะลาจุดเทียนแล้วลอยลงแม่น้ำ ไหลตามกันเป็นสายตามร่องแม่น้ำปิง ซึ่งมีสันทรายอยู่ใต้น้ำ จึงเรียกกระทงสาย ซึ่งประเพณีของจังหวัดตาก


ความเชื่อของประเพณีลอยกระทง ลอยทุกข์ ลอยโศก

    ความเชื่อของการลอยกระทงเพื่อ ลอยทุกข์ ลอยโศกให้ลอยหายไปพร้อมกับกระทงด้วยการตัดเล็บ ผม และเงินใส่ลงไปในกระทง สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อที่มีมาในในภายหลัง เป็นสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ แต่ความจริงเราไม่สามารถที่จะลอยทุกข์โศกให้หมดไปได้ด้วยการลอยกระทง  ดังนั้นถ้าจะให้ทุกข์โศก โรคภัย เคราะห์ร้ายออกไปด้วย เราต้องสร้างบุญ โดยในตอนกลางวัน ก่อนที่จะไปลอยกระทง เราก็ไปทำบุญที่วัดก่อน แล้วนำบุญนั้นมาอธิษฐานในคืนวันลอยกระทง ด้วยกุศลผลบุญนี้ขอให้ทุกข์โศกโรคภัยทั้งหลายออกไปจากใจของข้าพเจ้า


จุดประสงค์ของการจุดดอกไม้ไฟในวันลอยกระทง

     สมัยโบราณเดิมทีเดียวยังไม่มีการจุดดอกไม้ไฟ แต่เป็นการเพิ่มเติมมาทีหลัง เพื่อสร้างความคักคักสนุกสนาน

การลอยกระทง เราควรจะนึกถึง เป้าหมายดั้งเดิมของประเพณี คือ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นึกถึงคุณของน้ำ และบริหารจัดการน้ำอย่างถูกหลัก ขณะเดียวกันให้ระมัดระวังเรื่องเมาสุรา ทะเลาะวิวาท ปัญหาชายหญิง ก็จะเป็นการช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามไว้
ลอยกระทงปีนี้ มาลอยกระทงออน์ไลน์กัน


 

รูปวันลอยกระทง ปี พ.ศ.2553

ประมวลภาพงานวันลอยกระทง ณ สระเศรษฐี วัดพระธรรมกาย
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2553
วันลอยกระทง
ลอยกระทงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วันลอยกระทง 
ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมายาวนาน
ลอยกระทง 
วันลอยกระทงจัดขึ้นในทุกวันเพ็ญเดือนสิบสองของปี 
ลอยกระทง 
ภาพงานวันลอยกระทง ณ สระเศรษฐี วัดพระธรรมกาย
ลอยกระทง 
จุดดอกไม้ไฟวันลอยกระทง 
วันลอยกระทง 
ลอยกระทง 
 
วันลอยกระทง 
 
วันลอยกระทง
 
วันลอยกระทง

วันลอยกระทง

วันลอยกระทง
จุดดอกไม้ไฟวันลอยกระทง 
วันลอยกระทง 
วันลอยกระทง 
วันลอยกระทง 
วันลอยกระทง 
วันลอยกระทง
 
ลอยกระทง 
ลอยกระทง 
ลอยกระทง 
 

ภัยที่มาในคืนวันลอยกระทง....!

 
งานวัด...ในคืนวันลอยกระทง...ทุกปีครับ เพื่อน ๆ จะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น...บางครั้งเดินอยู่ดี ๆ ก็มีคนวิ่งหน้าตาตื่น แหวกฝูงชนเข้ามาหาผม....หัวเต็มไปด้วยเลือด...เกิดการเขม่น แล้วโโนตีหัวมาซะงั้น...ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ที่ กทมฯ. จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นรึเปล่า...
...ชกชิงวิ่งราว...ก็มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ ลองมาดูกันครับเพื่อน ๆ ...ผมไปก๊อปภัยที่เกิดขึ้นมาจากเว็ปไซส์ เว็ปไซส์หนึ่ง....เค๊าว่ากันมายังไงบ้าง....
อุบัติเหตุทางถนน
จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุมากเป็นอันดับ 3 ของปีคือ 9,658 ครั้ง คร่าชีวิตคนไทยไปถึง 1,122 คน มากกว่าเดือนเมษายน ที่เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์เสียอีก เหตุนอกจากการที่คนขับรถเดินทางไปเที่ยวลอยกระทงกันเป็นจำนวนมาก ยังเป็นเพราะการดื่มเหล้าฉลองวันรื่นเริงนี้ด้วย


พลุ ดอกไม้ไฟ
ลอยกระทงกับการจุดพลุ ดอกไม้ไฟเป็นของคู่กัน แต่ไม่ว่าปีไหนก็มักได้ยินข่าวคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกพลุดอกไม้ไฟ ระเบิดใส่ แต่ละปีมีคนเข้ารักษาในห้องฉุกเฉินกว่า 13,000 ราย โดยเฉพาะเด็กอายุ 10-14 ปี ที่สำคัญผู้บาดเจ็บรุนแรงกว่า 30% คือ คนเมา!
จมน้ำ
เทศกาลลอยกระทงเป็นช่วงที่เด็กไทยเสี่ยงจมน้ำเสียชีวิต สูงสุดในรอบปี สถิติ 4-5 ปีที่ผ่านมา ในคืนวันลอยกระทงจะมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตทันที 5 ศพ และในวันรุ่งขึ้นจะพบอีก 8 ศพ หรือเฉลี่ย 13 ศพ จาก 2 สาเหตุหลัก คือพลัดตกน้ำเพราะผู้คนเบียดเสียด และการลงน้ำไปเก็บเศษเงินในกระทง
วัยรุ่นเสี่ยง เสียตัว
จากการสำรวจข้อมูลพฤติกรรมเสี่ยงของเด็กและเยาวชนในช่วง เทศกาลวันลอยกระทง ปี ๒๕๕๒ จากกลุ่มตัวอย่าง นักเรียน นักศึกษา จำนวน ๔๐๐ คน ในระดับ ม.ปลาย และระดับอาชีวศึกษา พบข้อมูลที่สำคัญ คือ กิจกรรมที่เด็กและเยาวชนทำในวันลอยกระทง ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง ร้อยละ ๑๓.๕ ขับรถซิ่งตามท้องถนน ร้อยละ ๕.๕ และมีเพศสัมพันธ์กัน ร้อยละ ๓.๘ สำหรับสถานที่ที่เด็กและเยาวชนใช้ในการมีเพศสัมพันธ์กัน ส่วนใหญ่เป็นที่บ้าน/ห้องส่วนตัว ร้อยละ ๔.๘ โรงแรม ร้อยละ ๑.๘ และหอพัก ร้อยละ ๑.๕ นอกจากนี้ยังพบว่า พฤติกรรมการดื่มสุราส่งผลให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกด้วย
อีกข้อที่ผมได้ยินบ่อย ๆ ....หญิงสาวถูกข่มขืนในวันลอยกระทง
วัยรุ่น หรือว่าวัยไหนก็แล้วแต่ ควรระวัดระวังไว้นะครับ อยู่กับฝูงชนหน่อย อย่าปลีกตัวเดี่ยวคนเดียว แฟนหรือเพื่อนที่ไปด้วย ก็บอกเค๊าซะนะครับว่า อย่าพยายามแยกตัวออกมาจากฝูงชน ขากลับบั้าน ก็ควรที่จะหาเพื่อนๆ  หลาย ๆ คน เป็นเพื่อนเดินทาง
....อย่ารับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า....
...แล้วการแต่งตัว ก็ให้มันมิดชิดหน่อยก็แล้วกันครับน้อง ๆ ...มันไม่ใช่ที่ได้ยินมาหรอกนะครับ...คำว่า "...เธอแต่งตัวยั่วยุอารมณ์ ..." ผมมองว่า " ...ไอ้บรรดาหื่น ๆ ทั้งหลายนั่น มันคิดว่า..." ง่าย "... มากกว่า...เช่น...
"...ผู้หญิงคนนี้ แม่มม..แต่งตัวโป้ดี คงผ่านมาแล้ว...คงเอาได้ง่าย ๆ ...ไม่งั้น ไม่กล้าแต่งตัวอย่างนี้หรอก "
ก็ตามนั้นครับน้องๆ  สาวๆ  เอ็มไทยที่กำลังจะออกไปเที่ยวงานคืนนี้....ระวัดระวังตัวด้วยนะครับ...หนุ่ม ๆ เองก็...ระมัดระวังเรื่อง ตีหัว ด้วยละกัน...ฮะๆ  ๆ
ก็นำมาฝากแค่นี้ครับเพื่อน ๆ ....ถึงจะผ่านตาท่านใดมาแล้ว...ก็จะว่ากันนะครับ
ขอยกยอดคำขอบคุณไปที่...Google.com ครับผม
สุขสันต์วันลอยกระทงครับทุกท่าน....ผมเองก็คงไม่ได้ออกไปลอยกับเค๊าหรอกครับคืนนี้...กลัวโดนตีหัว....ฮะ ๆ