เดินสวนทางทุนนิยม = เดินตามรอยอริยะเจ้า
เดินสวนทางทุนนิยมสุดโต่ง = เดินซ้ำรอยอริยะเจ้า
มรดกทางจิตวิญญาณ จาก เฉิน กวงเปียว
เมื่อ วันที่ 29 ก.ย 2010 บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ อภิมหาเศรษฐีต่างวัย แต่ใจบุญ เหมือนกัน ได้เดินทางไปจีน เพื่อหาแนวร่วม ในโครงการThe Giving Pledge ซึ่งเชิญเฉพาะมหาเศรษฐีตัวจริงเสียงจริงเท่านั้น ทว่ามหาเศรษฐีชาวจีนกลับปฏิเสธที่จะตอบรับคำเชิญ
แต่ ก่อนถึงวันงานมหาเศรษฐีจีนคนหนึ่งเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงบิลและ วอร์เรนว่า "ผมยินดีที่จะบริจาคเงินให้กับการกุศล แต่ผมจะไม่ให้แค่ ร้อยละ 50 หรอกนะผมจะยกเงินทั้งหมดให้เลย.........."
ท่านนี้มี ชื่อว่า เฉิน กวงเปียว เจ้าของกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับการรีไซเคิลขนาดใหญ่ในเมืองนานจิง ประมาณว่าทรัพย์สินในครอบครองของเขา ณ ปัจจุบันน่าจะสูง ถึง 5 พันล้านหยวน ประมาณ2.5 หมื่นล้านบาท
ชาวจีนรู้จักเฉินเป็นอย่างดีในฐานะมหาเศรษฐีใจบุญ เขาเป็นที่จับตามองครั้งแรกเมื่อตอนที่เสฉวนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปี 2008 เขานำรถหกล้อจำนวน 60 คันเครื่องจักรกว่า 100 ชิ้น และทีมงานอาสาสมัครจำนวนมากและสามารถช่วยคนที่ติดอยู่ในซากตึกได้ 100 คน
เฉิน กวงเปียว ชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเคยยากจนมาก่อนเขาเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ทางเมืองนานจิง พ่อ และแม่เป็นชาวนาที่ยากจนมากถึงขนาดเคยสูญเสียลูกชายหนึ่งคน และลูกสาว หนึ่งคนเพราะความอดอยากแม้ครอบครัวจะยากจน พ่อแม่ไม่เคยสอนลูกให้เป็นคนเห็นแก่ตัว ตรงข้ามพ่อมักจะสอน เฉิน ว่า คนดี คือคนที่รู้จักอดทน และมีน้ำใจ
เนื่องจากยากจน แต่อยากเรียนหนังสือ เฉิน กวงเปียว จึงต้องส่งเสียตนเองตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เด็กชายใช้เวลาสั้นๆ ช่วงเที่ยง หาบถังเปล่าสองใบเดินเท้าไปยังบ่อน้ำที่อยู่นอกหมู่บ้าน เพื่อตักน้ำมาขายให้เพื่อนบ้านด้วยวิธีนี้ เด้กชาย สามารถหาเงินได้วันละ 0.3 หยวน เฉิน กวงเปียวจำได้ดีว่า เมื่อครูประจำชั้น ประกาศชมเชยเขาต่อหน้าเพื่อนๆและให้รางวัลเขาเป็นดอกไม้ที่พับด้วยกระดาษสี แดงเขารู้สึกเป็นเกียรติและมีสุขที่สุดในโลกครั้งนั้น เป็นเครื่องเตือนใจเขาว่าการให้...คือสิ่งทีทำให้มีความสุขอย่างแท้จริง
ตอนอายุ 13 ปี เขาขี่จักรยาน วันละ 10 กิโล เพื่อตะเวณขายไอศกรีมพออายุ 17 ปี เขาก็มีเงินเก็บมากถึง 20,000 หยวนซึ่งทำให้เขาเป็นคนหนุมที่รวยที่สุดในเมือง
เขาเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เขาสมัครเรียนด้านแพทย์แผนจีนหลังเรียนจบ เขาตัดสินใจตั้งรกรากอยู่ที่นานจิง และเริ่มทำงานเป็นเซลส์ขายยา เครื่องมือแพทย์ และรถสกูตเตอร์ ฯลฯ
ปี 2003 รัฐบาลจีนต้องการรื้อสนามกีฬาเก่าในเมืองนานจิงให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนงาน นี้ไม่มีค่าจ้าง แต่ผู้รับเหมาจะได้สิทธิในการจัดการกับเศษซากที่ถูกรื้อถอนทั้งหมด เฉิน ประเมินว่าเศษเหล็กน่าจะขายได้ราคาดี จึงตัดสินใจรับงานนี้ เฉพาะเหล็กอย่างเดียวเขาก็ทำรายได้มากถึง 4 ล้านหยวน
งานนี้ทำให้ เฉิน มองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจจากกองขยะ เขาตัดสินใจก่อตั้ง บ. รีไซเคิล ชื่อว่า Jiangsu Huangpu Renewable Resources Co., Ltd. นอกจากสามารถขายเศษเหล็ก และโลหะให้กับโรงงานแล้วก้อนซีเมนต์ที่ได้จากการรื้อถอน ยังถูกนำมารีไซเคิลเป็นผงคอนกรีต ซึ่งเมื่อนำมาผสมกับน้ำปูนซีเมนต์ และสารเคมีบางตัวก็สามารถทำเป็นวัสดุสำหรับใช้ในการก่อสร้าง
แม้ร่ำรวย แต่เจ้าของบริษัทกลับนิยมชีวิตที่สมถะเรียบง่ายรับประทานอาหารในโรงอาหารเช่นเดียวกับพนักงาน ไม่ถือตัว ไม่ดื่มเหล้า
ไม่สูบบุหรี่ และรักภรรยามาก ช่วงปิดเทอมเขามักพาครอบครัวไปพักอยู่กับคนที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือในแถบชนบท เพื่อให้ลูก ๆ
รู้จักความทุกข์ยากของผู้อื่น
ตามปกติ ประเพณีจีน มักจะยกมรดกให้ลูกสืบทอด แต่การให้แบบหมดกระเป๋า ของ เฉิน จึงเป็นการกระทำที่ผิดประเพณีโดยสิ้นเชิง แต่เขาก็เชื่อว่า ลูกๆ จะเข้าใจการตัดสินใจของเขา
"พ่อแม่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้ผมและผมก็ไม่ปรารถนาที่จะทิ้งอะไรไว้ให้ลูกๆ นอกจากความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณ ซึ่งได้มาจากการทำงานการกุศล"....
โชคดีว่า เฉิน ไม่ได้เชื่อไปเอง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ยินลูกชายคนเล็ก พูดว่า "พ่อของผมเป็นคนใจบุญ ระดับท็อปของประเทศจีน แต่ผมจะเป็นคนใจบุญ ระดับท็อปของโลก" ความมั่งคั่งเปรียบเหมือน "น้ำ" ที่คนทั้งโลกเ ป็นเจ้าของร่วมกันถ้าน้ำหนึ่งแก้วเพียงพอสำหรับคนหนึ่งคนน้ำหนึ่งถังก็เพียง พอสำหรับคนทั้งครอบครัวและแม่น้ำหนึ่งสายก็จะเพียงพอสำหรับคนทุกคนใน สังคม.....
ตายแล้วเอาลงหลุมไม่ได้! เศรษฐีจีนยกทรัพย์ 5 หมื่นล้าน ให้สังคม
เอเยนซี-นาย เฉิน กวงเปียว เจ้าของกิจการรีไซเคิลรายใหญ่ บริษัทเจียงซู หวงปู๋ รีนิวเอเบิล รีซอร์สเซส ยูทิไลเซชั่น (Jiangsu Huangpu Renewable Resources Utilization) นับเป็นเศรษฐีจีนรายแรกที่เข้าร่วม"โครงการ Giving Pledge" ที่บิล เกตส์เป็นผู้ริเริ่ม โดยแสดงเจตจำนงว่าจะบริจาคทรัพย์สินทั้งหมด ท่ามกลางกระแสบรรดาเศรษฐีจีนขอหลบหน้า
นายเฉิน กวงเปียว นับเป็นเศรษฐีจีนรายแรกที่เข้าร่วมโครงการที่นายเกตส์เป็นผู้ริเริ่ม โดยเขาได้เขียนจดหมายเปิดผนึกในเว็บไซต์ของบริษัท ถึงนายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และ นายวอร์เรน บัพเฟตต์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 ก.ย.) เพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านหยวน แด่การกุศลหลังจากตนเองเสียชีวิต
บิล เกตส์ และวอร์เรน บัพเฟตต์ มีแผนเดินทางมายังจีนในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ เพื่อเชิญชวนมหาเศรษฐีจีน 50 ราย รวมทั้งนายเฉินเข้าร่วมโครงการกุศลที่มีเศรษฐีอเมริกัน 40 คนแสดงเจตจำนงบริจาคเงินร่วม 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้ว
ใน จดหมายฉบับนี้นายเฉิน วัย 42 ปี ระบุว่าเป็นเจตจำนงของตนเอง เพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นของบิลเกตส์ และว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ตอบแทนสังคมด้วยการบริจาคทรัพย์สินทั้ง หมดที่ได้มาจากสังคมคืนให้กลับไป เฉินยังกล่าวว่า การเสียชีวิตแล้วยังห่วงทรัพย์สินเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
ทั้ง นี้ เฉินเป็นมหาเศรษฐีจีน รายแรก ที่ตอบรับร่วมโครงการฯ นี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า บรรดามหาเศรษฐีจีนทั้ง 50 ราย ที่ได้รับเชิญคงหลบหน้าไม่กล้าวัดใจที่จะเข้าร่วมโครงการบริจาคเงินเพื่อการ กุศลครั้งนี้
รายงานข่าวระบุ ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นายเฉินได้บริจาคเงินให้กับการกุศลมาแล้วประมาณ 1,340 ล้านหยวน เพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 700,000 คน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สมาคมแรงงานสาธารณะแห่งประเทศจีน ยังได้จัดอันดับให้นายเฉิน เป็นเศรษฐีใจบุญอันดับหนึ่งของจีน พิจารณาจากการบริจาคเงินเข้าการกุศลของเขาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ อีกทั้งมีความตั้งใจในการอุทิศจัดตั้งหน่วยกู้ภัยในเขตเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ริกเตอร์ในปี 2551 ได้เพียง 2 ชั่วโมง รวมถึงจัดตั้งหน่วยกู้ภัยให้ความช่วยเหลือที่เมืองอวี้ซู่ เขตปกครองตนเองของชาวทิเบตในมณฑลชิงไห่ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในเดือนเมษายน
นิตยสารหูรุ่น เดือนเมษายน ระบุว่า ปีหนึ่งๆ บรรดาเศรษฐี 100 อันดับแรกของประเทศจีน ต่างบริจาคเงินเพื่อการกุศลรวมเฉลี่ยแล้ว ปีละประมาณ 229 ล้านหยวน และเงินบริจาคก็มากขึ้นๆ ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
0 comments:
Post a Comment